เที่ยวกัวลาลัมเปอร์แบบไม่มีแผน เที่ยวตามใจฉัน

สวัสดีค่า บล็อคนี้จ๊ะจ๋าต้องขอบอกก่อนเลยว่ารูปเยอะมากกก ทริปเที่ยวกัวลาลัมเปอร์แบบตามใจฉัน ฮ่าๆ

ไปกับเพื่อนแบบกระทันหัน เพื่อนอยากไปแล้วก็มาชวน นี่ก็ใจง่ายตอบกลับไปเลยว่าโอเค แบบไม่คิดเลยสักนิด 5555
จ๊ะจ๋าไปช่วงเดือนพฤษภาคม 2559 ค่ะ ก็จองตั๋วเครื่องบินไป-กลับของ Air Asia ประมาณ 5,xxx บาทค่ะ เป็นครั้งแรกที่เดินทางไปต่างประเทศแบบไม่โหลดกระเป๋า ลองดูก็ทำได้แฮะ บอกเลยว่าแอบประหลาดใจตัวเอง

จริงๆแล้วไม่มีกระเป๋าเดินทางไซส์เล็กเลยค่ะ เพราะเป็นคนบ้าหอบฟางมาก เดินทางไปไหนก็ต้องเริ่มต้นด้วยไซส์กลางละ เพื่อนก็เลยเอากระเป๋าให้มาหนึ่งใบ แล้วก็เพื่อนก็บอกว่าไม่คิดว่าจะใบเดียวพอ 5555

ออกเดินทางจากกรุงเทพตอนเที่ยงตรง ไปถึงกัวลาลัมเปอร์ตอนบ่าย 3 โมง (เวลาท้องถิ่น +1 ชั่วโมง)

มาถึงก็หิวเลยค่ะ ทั้งๆที่ก่อนมาก็ทานข้าวที่ดอนเมืองแล้วนะ ก็เลยแวะทานเบอร์เกอร์ร้าน Wendy’s ในสนามบินนี่ล่ะ

จัดไปคนละชุดค่ะ ที่นี่ไม่มีเบอร์เกอร์หมูน้าาา มีเนื้อกับไก่ค่ะ ราคาชุดละประมาณ 18 ริงกิตมั้งคะ ถ้าจำไม่ผิดนะ

ทานอิ่มแล้วเดินลงบันไดเลื่อนมาเพื่อขึ้นรถบัส

วิธีที่จะเข้าเมืองก็สามารถเดินทางด้วยรถบัส แท็กซี่หรือรถไฟฟ้านะคะ แต่เนื่องจากว่าเพื่อนบอกว่าขอนั่งรถบัสละกันเพราะประหยัดกว่ากันหลายร้อยบาทเลย จ๊ะจ๋าก็เลยเดินๆตามเค้าไป

ให้น้องไปต่อคิวซื้อมา คนละ 11 ริงกิตค่ะ

ก็มายืนรอรถตามหมายเลข

ขึ้นมานี่เจอกลิ่นไม่น่าพึงประสงค์เท่าไหร่ค่ะ กลิ่นตัวของแขก

ในการเดินทางด้วยบัสครั้งนี้เป็นอะไรที่ยาวนานมากกกกก ปกติก็จะใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆอยู่แล้ว แต่เนื่องจากเป็นวันศุกร์ตอนเย็นและมีฝนตก ช่องเก็บเงินทางด่วนเสียเหลือแค่ 2 ช่อง โอ้วพระเจ้า!!! กลายเป็นว่าติดแหง็กอยู่บนรถ 3 ชั่วโมงเลยค่ะ ดีนะที่ซื้อซิมมือถือมา (40 ริงกิต) เล่นเน็ตแก้เซ็งไป

นั่งรถมาลงที่ KL Sentral เป็นที่ที่เราจะต้องมาต่อรถเดินทางไปนู่นไปนี่ค่ะ

ด้วยความที่เอากระเป๋ามาใบน้อย ก็เลยต้องแวะซื้อของใช้กันนิดหน่อยที่ห้าง Parkson

แล้วก็ไม่ลืมที่จะซื้อขนมด้วยอีกเล็กน้อย อิอิ

จากนั้นก็ซื้อตั๋วรถไฟฟ้าค่ะ เดินทางไปสถานี Bukit Nanas

รถไฟฟ้าบ้านเขาจะเล็กกว่าของบ้านเราค่ะ

เช็คอินกันตอน 3 ทุ่มเลยทีเดียว ครั้งนี้พักที่ Summer Suites ค่ะ

นอนโฮสเทลแบบห้องรวมครั้งแรกของจ๊ะจ๋าเลย เรื่องนี้ให้เพื่อนเป็นคนจัดการให้ค่ะ นอน 3 คืนก็คนละพันต้นๆค่ะ ประหยัดมาก

ระหว่างที่รอเช็คอินนั้นก็แว้บเข้าไปมินิมาร์ทไปซื้อโยเกิร์ตมาทานซะหน่อย อร่อยดีแฮะ ก็เลยซื้อขึ้นไปบนห้องเพิ่มอีกด้วย

ห้องพักเป็นเตียง 2 ชั้น นอนได้ 6 คน ห้องน้ำในตัว มีครัวและมีตู้เย็น

เป็นห้องรวมชาย-หญิง แต่โชคดีมากที่ช่วงนั้นไปแล้วได้ห้องที่เป็นผู้หญิงหมดเลย

ห้องยังมีความใหม่ แต่ว่ามีข้อเสียคือไม่มีพนักงานเข้ามาทำความสะอาดเลยค่ะ เศษผมก็เต็มพื้น ส่วนขยะนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ล้นแล้วล้นอีก ต้องเอาไปทิ้งกันเอง

จ๊ะจ๋าพักอยู่ที่ชั้น 33 ค่ะ เห็น KL Tower ด้วยนะ ช่วงที่มาเนี่ยก็ฝนตกบ่อยมากเลยค่ะ เมฆก็เลยบังซะเยอะเชียว

และนี่ก็คืออาหารเช้าแบบง่ายๆที่ซื้อจากมินิมาร์ทเอาไว้เมื่อคืนค่ะ

ไปเที่ยวดูบ้านเมืองเค้าดีกว่า นั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานี Bukit Bintang  ซึ่งเป็นย่านช็อปปิ้งของที่นี่เลย

ถ้ามากัวลาลัมเปอร์แล้วอยากจะเจอผู้คนที่หน้าตาดี แต่งตัวดีมีฐานะหน่อยก็ต้องมาย่านนี้ค่ะ นอกนั้นก็จะเจอแต่มุสลิมและแขก มาตรงนี้ก็จะหลากหลาย มีจีนเยอะ รถหรูๆก็จะมาจอดแถวนี้กันเยอะ

พูดถึงเรื่องการแต่งกายกันสักนิดค่ะ

ที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นมุสลิมซะเยอะ บ้านเมืองเค้าก็จะแต่งกายมิดชิด เวลาที่มาเที่ยวก็แต่งกายให้พองามนะคะ ใส่กางเกงขาสั้นไป เสื้อสายเดี่ยว เกาะอก คนจะมองเหมือนเราเป็นตัวประหลาด อาจจะโดนซุบซิบก็ได้นะเอ้อออ ทริปนี้จ๊ะจ๋าใส่กางเกงขายาวทุกวันเลย เพราะแดดร้อนมากค่ะ 55555

เข้ามาเดินเล่นห้าง Pavillion ก็เปรียบเสมือนพารากอนบ้านเรา วัยรุ่นก็จะมาเดินเล่น ทานข้าวกันที่นี่เยอะเลย

ถ้าใครชอบนี่มีหมดตัวแน่ๆค่ะบอกเลย แค่เสื้อยืดธรรมดาพื้นๆก็ 1,7xx บาทแล้วค่ะ

เริ่มหิวข้าวแล้วก็เลยขึ้นมาทานร้านอาหารด้านบน สุ่มเข้าร้านนี้ละกัน

Char kway teow (ชาก๋วยเตี๋ยว)

เมนูนี้เพื่อนสั่งค่ะ จ๊ะจ๋าจำได้ว่าตอนที่ไปปีนังครั้งที่แล้วคือติดใจรถรสชาติชาก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่งได้ในจอร์ชทาวน์

ครั้งนี้ก็ขอชิมของเพื่อนหนึ่งคำ คือจานนี้รสชาติกลางๆเลยค่ะ ไม่ได้อร่อยเหาะแบบที่เคยทาน

ส่วนคนที่ไม่เคยทานก็ให้นึกถึงผัดไทย+ผัดซีอิ๊วอ่ะค่ะ

Nasi lemak 

จ๊ะจ๋าสั่งนาซีเลอมักค่ะ ข้าวจะเป็นข้าวที่หุงด้วยกะทิ คือจะมีความมันๆหน่อย ส่วนด้านขวานั้นเป็นเหมือนมัสมั่นไก่ค่ะ มีความอร่อยเข้มข้น ด้านซ้ายก็จะเป็นพวกผักดอง  และมีไข่ต้มด้วย 1  ฟอง

จานนี้จ๊ะจ๋าทานหมดเกลี้ยงเลยค่ะ รสชาติอร่อยอยู่ สั่งน้ำแร่มา 1 ขวด มื้อนี้ก็จ่ายกันไปคนละ 300 กว่าบาท

เพื่อนสั่งน้ำหวาน ซึ่งราคาเท่ากันกับน้ำแร่ขวดเล็กๆที่จ๊ะจ๋าสั่งเลย แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบดื่มน้ำหวานอ่ะเนอะ

ก็เดินเล่นห้างกันเล็กน้อย ตรงนี้ก็เป็นโซน Tokyo Street ขายของเล่น เสื้อผ้า อาหารญี่ปุ่น

จะบอกว่าแหล่งอาหารอร่อยนั้นอยู่ด้านล่างตึกอะไรสักอย่างค่ะ คือถ้าลงรถไฟฟ้ามาเนี่ยก็จะเห็นป้ายเยอะๆเลย

แต่ว่าดันทานอีกร้านจนอิ่มแล้วนี่สิ งั้นวันนี้ขอลงไปสำรวจไว้สำหรับพรุ่งนี้ละกัน

ร้านนี้ขายชาก๋วยเตี๋ยวค่ะ คนรอเพียบ

โจ๊กกับปาท่องโก๋ก็มี

แวะซื้อชาก่อนกลับที่พักสักนิด

วันที่ 3 

ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าอีกวันจะต้องมาทานอาหารด้านล่างนี้ให้ได้ ก็เดินเลือกอยู่นานว่าจะทานร้านไหนดี จนตัดสินใจได้ละ

จ๊ะจ๋าสั่งเมนูที่ 1 ค่ะ เห็นมีรูป Recommended ด้วย จานนี้ 10.50 ริงกิตค่ะ

เส้นหมี่เล็กๆมีความเหนียวนุ่มทานง่าย ซอสจะรสชาติหวานๆเหมือนน้ำหมูแดงประมาณนั้นเลยค่ะ

เนื้อหมูติดกระดูกคืออร่อย หมูมีความเปื่อยยุ่ย ไม่เหนียวเลย เมนูนี้แนะนำว่าควรลองทานดูค่ะ อร่อยดีนะ

จากนั้นก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ เดินจาก Bukit Bintang มาค่ะ เปิด GPS ไป China Town

มีความไกลไม่ธรรมดา แต่ด้วยความที่ไม่รู้จะรีบทำไม ก็เลยเดินเล่นชิวๆ แต่แดดนี่ไม่ชิวเลยค่าาา

เดินไปเดินมาก็มาเจอ Bukit Bintang City Centre ที่เหมือนจะจัดงานอะไรสักอย่าง ก็เลยขอแวะเข้ามาดูหน่อย

เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ คนก็เลยดูคึกคักอยู่นะ

มีกลุ่มคอสเพลย์เล็กๆ จะบอกว่าเห็นจอมโจรคิดส์แล้วเจ็บปวดใจยังไงบอกไม่ถูก T^T

และแล้วก็เดินมาถึง China Town จนได้ มีความเหงื่อท่วม

แต่สิ่งที่เราเจอในไชน่าทาวน์นั้นคือแขก!! แขกขายของแทบทุกร้านเลยค่ะ มีความขำแรง

อุตส่าห์เหน็ดเหนื่อยเดินมาไกล ปั้ดโธ่! ขากลับก็เลยบอกน้องว่าเรานั่งแท็กซี่กันเถอะนะ

นั่งกลับมาที่ Bukit Bintang อีกนั่นล่ะ คือทริปนี้ก็จะวนเวียนแต่แถวนี้ละกัน คือไปละแวกอื่นแล้วมันไม่เจริญหูเจริญตาเท่าไหร่ง่ะ ตอนนี้ก็รู้สึกหิวแล้วก็อยากหาที่นั่งเย็นๆ ก็เลยเข้าร้าน Tous Les Jours ค่ะ เห็นร้านสวยดี

ภายในร้านน่ารักดีนะ มีทั้งขนมเค้กและเบเกอรี่เพียบเลย

จ๊ะจ๋าสั่งบลูเบอร์รี่ชีสเค้กกับสตอเบอร์รี่โซดา

ชีสเค้กถือว่ายังเฉยๆนะ เพราะจ๊ะจ๋าชอบทานชีสเค้กมาก เคยเจอที่อร่อยกว่านี้เยอะ

ราคาก็เหมือนกับทานที่กรุงเทพนั่นล่ะ ชิ้นละร้อยกว่าบาท เครื่องดื่มก็ร้อยกว่าบาท

ร้านนี้ก็จะมีทั้งต่างชาติและก็วัยรุ่นเข้ามาเยอะอยู่ค่ะ

แถว Bukit Bintang นี่มีแต่ห้างทั้งนั้นเลย

หลังจากทานขนมเสร็จก็นั่งรถไฟฟ้าไปลงที่ Bukit Nanas ซึ่งเป็นป้ายแถวที่พักอยู่

จากนั้นก็ขึ้นรถบัสหน้าโรงแรม Renaissance ไปลงที่ Petronas Twin Tower มากัวลาลัมเปอร์ไม่มาถ่ายรูปกับตึกแฝดนี้ได้ยังไง คนเยอะพอสมควรเลยค่ะ เวลาถ่ายรูปนี่ก็ต้องใช้สกิลการงัดกันสุดๆเช่นกัน

จากนั้นก็มาหาอะไรดื่มกันสักนิด ไปที่ร้าน Heli Lounge Bar ค่ะ อยู่ในตึกชื่ออะไรสักอย่างจำไม่ได้แล้วค่ะ ถ้าอยากไปร้านนี้ก็เซิจกูเกิ้ลแม็พไปนะคะ กดลิฟท์ไปที่ชั้น 34 เลยค่ะ ก็จะมาเจอร้านแบบนี้ เราจะต้องสั่งเครื่องดื่มก่อนถึงจะขึ้นไปบนดาดฟ้าได้ค่ะ

จ๊ะจ๋าสั่ง Long Island 30 ริงกิตค่ะ

จากนั้นก็ถือเครื่องดื่มขึ้นไปข้างบนดาดฟ้ากันเล้ยยยย คือต้องเดินขึ้นบันไดมาอีก 2 ชั้นค่ะ

ขึ้นมาช่วงโพล้เพล้พอดี ทำให้ได้ถ่ายรูปทั้งตอนที่พอมีแสงแล้วก็รอถ่ายตอนมืดด้วยเลย

ตอนนั้นคือภาวนาว่าฝนอย่าเพิ่งตกเลยน้าาาา ขอดูวิวอีกสักนิด แล้วท้องฟ้าก็เป็นใจจริงๆ แม้จะมีเมฆมากไปหน่อยก็เถอะ

ถ่ายกับแฟน << อันนี้คือโดนแซวว่าเป็นคู่เลสเบี้ยน 55555

ก็นั่งชิลกันไปชั่วโมงกว่าๆ ถ่ายรูปเล่นกันสนุกสนาน ก็เริ่มจะหิวแล้ว

น้องคนหนึ่งเดินพาไปทานอาหาร Street Food ที่แถวๆ Bukit Bintang ค่ะ คือเดินไปเรื่อยๆก็เจอ

ร้านสะเต๊ะ ราคาแต่ละไม้ไม่เท่ากันค่ะ ก็ดูที่ปลายไม้ว่าสีอะไร ก็ราคาตามป้ายเนอะ

เลือกใส่ถาด อันนี้จ๊ะจ๋าไม่ได้ซื้อนะคะ ไปขอถ่ายของน้อง(ที่ไปเจอกันที่กัวลา)มา

ลวกในหม้อต้ม ต้องระวังบางอย่างมันสุกจนเปื่อยยุ่ยหลุดจากไม้น้า

ราดน้ำสะเต๊ะ

มื้อค่ำบคืนนี้ก็เลือกร้าน Sai Woo ค่ะ เห็นคนเยอะดี เมนูก็น่าทาน จริงๆร้านแถวนั้นก็คนเยอะทุกร้านเลยค่ะ

สะเต๊ะไก่ ก็อร่อยดีนะ

ข้าวผัดอะไรสักอย่างจำชื่อไม่ได้ค่ะ มีความอร่อย เมล็ดข้าวคือกำลังดี

ปลาผัดเปรี้ยวหวาน มีความอร่อยเปรี้ยวๆหวานๆ

ไก่รวนน้ำมันหอย เมนูนี้ค่อนข้างจะติดหวานไปนิดค่ะ ถ้าคนไม่ชอบทานกับข้าวหวานๆก็อาจจะต้องข้ามไป

เมื่อทานอิ่มแล้วก็แยกกันเป็น 2 กลุ่ม น้องๆก็นั่งรถไฟฟ้ากลับที่พักกันค่ะ ส่วนจ๊ะจ๋ากับเพื่อนก็เดินเล่นจากที่ร้านอาหารมาถึง Petronas Twin Tower เลย บอกเลยว่ามีความไกลไม่ธรรมดา แต่จุดประสงค์ก็คือต้องการเดินย่อยอาหารกันอยู่แล้ว

ก็เล่นทานมื้อค่ำกันตอน 3 ทุ่มเลยนี่นา ถ้าจะให้กลับไปนอนเลยก็คงจะกลมดิ๊กแน่ๆ

มองเห็นไกลๆก็ยังสวย

ตอนกลางคืนก็คนยังเยอะอยู่นะคะ นี่ก็นั่งเล่นถ่ายรูปยัน 5 ทุ่มเลย แล้วก็เดินกลับที่พักค่ะ

จริงๆแล้วไม่ค่อยแนะนำให้เดินตอนกลางคืนเท่าไหร่ อย่างจ๊ะจ๋ากับเพื่อนเนี่ยก็เดินกันสองคนเป็นผู้หญิง เดินอย่างระแวงนิดๆ เพราะว่าคนแทบจะไม่มีเลย ระหว่างทางก็เจอคนเร่ร่อน รปภ.(ที่ดูน่ากลัว)

และแล้วก็มาถึงวันที่ต้องกลับแล้ว แต่จ๊ะจ๋าจองกลับก่อนคนเดียวค่ะ เพื่อนกลับตอนเย็น

ก็เลยต้องเดินทางคนเดียวซะแล้ววววว เหมือนเดิมกับขามาค่ะ มาที่ KL Sentral แต่ครั้งนี้จะไม่นั่งบัสกลับละ กลัวตกเครื่อง

ไปขึ้น KLIA Express ดีกว่า เดิมตามป้ายบอกทางไปเลยค่าาา

ซื้อตั๋วแล้ววว มีความแพง 55 ริงกิตเลยค่ะ ถ้านั่งบัสแค่ 11 ริงกิตเองนะ แบบนี้ใช่ไหมที่เค้าเรียกว่าซื้อเวลา

รอรถไฟฟมาสักแป๊ปค่ะ

เลือกนั่งตามอัธยาศัยเลยนะ คนไม่เต็มค่ะ

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35-40 นาทีก็มาถึงสนามบินค่ะ ลงที่ KLIA2 น้า

สนามบินกว้างมาก อยากจะเดินช็อปปิ้งทานข้าวก่อน แต่ดันมาแบบฉิวเฉียด ต้องเข้าไปเช็คอินซะละ จ๊ะจ๋าไม่ได้โหลดกระเป๋าก็เช็คอินกับตู้ได้เลย แล้วเดินเข้าไปด้านในเนอะ

คือรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทานมาจากข้างนอก พอเข้ามาด้านในแล้วร้านอาหารมีอยู่นิดเดียวเองค่ะ

ก็เลือกเข้าร้าน Toast Box ละกัน ง่ายดี

ด้วยความที่หิวเนอะ ก็สั่งชุดนี้มา 12.50 ริงกิต

มีปังปิ้งเนยกับสังขยา ไข่ลวก 2 ฟองและชาร้อน นั่งทานไปแบบชิลๆไม่รีบมาก จากนั้นค่อยเดินไปที่เกตค่ะ

ซึ่งยังไม่ใกล้นะ ต้องเดินไปอีกไกลใช้ได้

ทริปนี้เหมือนมาชิวๆเล่นๆตามใจฉันจริงๆ ไม่มีการวางแผนมาก่อนว่าจะไปเที่ยวไหนอะไรยังไง ฮ่าๆ

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทริป

• ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ 5,xxx บาท
• ค่าที่พัก 3 คืน 1,2xx บาท
• แลกเงินมา 6,000 บาท หมดเกลี้ยง

จริงๆอยากจะไป Zouk ด้วยค่ะ แต่ไม่มีแนวร่วมไปเลย แล้วก็ไม่ได้เตรียมรองเท้ากับชุดมาไว้เที่ยวกลางคืน เลยอดไป น่าเสียดายจริงๆ

ถ้าเปรียบเทียบกับครั้งที่แล้วที่ไปปีนัง ปีนังค่าครองชีพจะถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ ทานเท่าไหร่เงินก็ไม่หมดซะที

สำหรับคนที่อยากจะมาเที่ยวกัวลาลัมเปอร์ก็ลองดูค่ะ นั่งเครื่องบินจากประเทศไทยไปแค่แป๊ปเดียวก็ถึงแล้ว อากาศร้อนเหมือนบ้านเรา การแต่งกายก็แต่งเหมือนอยู่บ้านเราได้ ค่าเงินไม่แพง คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษกันคล่อง ไปไหนก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหลงแล้วหาทางไปไม่ถูก อาหารอร่อย (ต้องเป็นแหล่งจีนๆหน่อย) ไม่รู้จะช็อปปิ้งอะไร ที่บ้านเราก็มีเหมือนกันหมดเลย

Comments

comments